วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
อยากได้ยินว่า "รักกัน"
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]
วันที่ 14 ก.พ. นี้ เป็นวันแห่งความรัก วันที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ รอคอย ที่จะบอก ความในใจ ให้กับคนที่เราแอบรัก เรามาดูที่มาของวันวาเลนไทน์ กันดีกว่า ว่าถือกำเนิดมาได้ยังไงนะ ....
ในสมัยคริสต์ศักราชที่ 3 มีชาวโรมันที่เป็นผู้นำคริสเตียนคนหนึ่งชื่อ "วาเลนตินัส" เขาเป็นคนใจดี มีความเมตตา ต่อเพื่อนมนุษย์ เรียกได้ว่า แทบจะทุกคนทุกเพศทุกวัย และทุกๆ วัน เขาจะแอบนำเอาอาหาร และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ไปวางไว้ ที่ประตูบ้านของคนยากจน (แต่ไม่ยักบอกว่า ของเหล่านั้นน่ะ ไปเอามาจากไหน ขโมยใครมา เหมือนโรบินฮู้ดหรือเปล่า ??)
ในสมัยจักรวรรดิโรมัน ตอนนั้นศาสนาคริสต์ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ คนที่นับถือ ศาสนานี้ จึงถือเป็นความผิดร้ายแรงเอามาก ๆ พวกชาวคริสต์ จึงถูกคุกคามข่มขู่ ข่มเหงเป็นอย่างหนัก ทั้งยังถูกทารุณ เพื่อบังคับให้เลิกนับถือ หากใครไม่เลิก ก็จะถูกจับเข้าคุก ข้อหาอะไรน่ะหรือ ก็ข้อหาเป็นชาวคริสต์น่ะสิ กลายเป็นพวก นอกรีตไป วาเลนตินัสของเรา ก็เลยโดนหางเลขไปด้วย
แต่ขณะที่ถูกคุมขังอยู่นั้น หัวใจของวาเลนตินัส ก็ไม่ได้ถูกคุมขังไปด้วยเลย เพราะวาเลนตินัสกำลัง Fall in Love กับจูเลีย ลูกสาวผู้คุมคุก ของตัวเองนั่นแหละ แล้วหญิงผู้นั้น ก็ตาบอดซะด้วย แต่ด้วยความรัก และแรงอธิษฐานของเค้า พระเจ้าจึงทรงโปรด ให้ลูกสาวของผู้คุม หายจากอาการตาบอด กลับมองเห็น ได้เป็นปกติ
หลัง จากปาฏิหารครั้งนี้ ผู้คุมและครอบครัวของเธอ จึงหันมานับถือศาสนาคริสต์ ต้องห้ามนี้ด้วย เมื่อความรู้ถึงกษัตริย์คลอติอุสที่ 2 ของโรม พระองค์ทรงกริ้วมาก สั่งลงโทษวาเลนตินัสอย่างหนัก ด้วยการโบย และถูกตัดสินประหารชีวิต โดยในคืนก่อนจะถูกประหาร เขาได้เขียนจดหมาย มีใจความสั้น ๆ เป็นการอำลา ส่งให้คนรักของเขา ลงท้ายจดหมายว่า จากวาเลนไทน์ของเธอ (From Your Valentine)
เขาสิ้นชีพในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้น ศพของเขาได้ถูกเก็บ ไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรือ อัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพู ได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดร์ และมิตรภาพ อันสวยงาม...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น